GETTING MY จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม TO WORK

Getting My จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม To Work

Getting My จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม To Work

Blog Article

ส่วนการรับบุตรบุญธรรมนั้น ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล และกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างกฎหมายสมรสเท่าเทียม เคยระบุกับบีบีซีไทยว่า “คู่สมรสตามกฎหมายสมรสเท่าเทียมก็สามารถตั้งครอบครัวและรับบุตรบุญธรรมได้ตามกฎหมายการรับบุตรบุญธรรมที่มีอยู่ ซึ่งเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์อีกหมวดหนึ่ง ที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องการสมรสเท่าเทียม”

ส.ส.ผู้เสนอแก้กฎหมาย แจงทำไมต้องแก้ "สามีภรรยา" เป็น "คู่สมรส"

การนำ “ยานอวกาศเปล่า” ไปรับ “นักบินอวกาศ” ไม่ใช่เรื่องแปลก

คำเตือน: บีบีซีไม่มีส่วนรับผิดชอบต่อเนื้อหาที่มาจากภายนอก

จับตาศึกชิงเก้าอี้ร้อน ‘ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ’ ที่มีอำนาจควบคุม ธปท.

เปิดข้อควรรู้-ข้อห้าม "สมรสเท่าเทียม" สิทธิทางกฎหมายที่ "คู่สมรส" จะได้รับ

ด้วยเหตุนี้ พ่อแม่ที่เติบโตมาในสมัยยุคจอมพล ป. จึงมีความคิดฝังหัวว่าผู้ชายกับผู้หญิงควรมีหน้าที่อะไร “ส่วนผู้ที่เกิดมาเป็นเพศกึ่ง ๆ กลาง ๆ สังคมจะไม่ยอมรับและดูถูกเหยียดหยาม ซึ่งมันเป็นผลพวงจากวิธีคิดแบบชายเป็นใหญ่ของจอมพล จดทะเบียนสมรสเท่าเทียม ป.

ที่มาของภาพ, ศุภชัย จันทร์สุวรรณ์/วารสารมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ ม.ราชภัฏบ้านสมเด็จเจ้าพระยา

ร.บ.คู่ชีวิตจะเป็นร่างกฎหมายที่ใช้รับรองสิทธิของผู้มีความหลากหลายทางเพศได้ 

ดร.นฤพนธ์ ยังอธิบายเพิ่มเติมด้วยว่า การแต่งงานของคนในสมัยก่อน ลูกสาวคนโตคือผู้ได้รับมรดกจากพ่อแม่ ต้องครองเรือนอยู่ในครอบครัวพร้อมกับสร้างทายาท ขณะที่ลูกชายจะต้องออกไปอยู่บ้านผู้หญิง เพื่อไปเป็นลูกเขย และเป็นแรงงานให้กับบ้านพ่อตาแม่ยาย

เมื่อใดที่การเมืองกับตำรวจตัดไม่ขาด เมื่อนั้นแรงจูงใจในการพัฒนาองค์กรอาจไม่มากเท่าการวิ่งเต้นตำแหน่ง

ได้รับสิทธิประโยชน์และสวัสดิการจากรัฐในฐานะคู่สมรส เช่น สิทธิรับประโยชน์ทดแทนจากประกันสังคม, สิทธิเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล เป็นต้น

จิตรพรตยังอ้างถึงรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยที่มีการกำหนดบุคคลผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าเป็นผู้ที่ “มีอายุไม่ต่ำกว่าสิบแปดปีในวันเลือกตั้ง”

ทั้งคู่มองว่าการที่นายทะเบียนไม่สามารถจดทะเบียนสมรสให้กับตนและคู่รักเป็นการละเมิดสิทธิ์ จึงมีการร้องเรียนไปยังสภาผู้แทนราษฎร รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมี ‘ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร’ ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอยู่ในขณะนั้น จึงตั้งคณะทำงานขึ้นเพื่อทำการศึกษาข้อกฎหมายว่าการแต่งงานของคู่รักเพศเดียวกันขัดต่อกฎหมายหรือไม่ แต่ด้วย ณ เวลานั้น มีแรงต้านจากผู้ไม่สนับสนุนที่มองว่าคู่รักเพศเดียวกันไม่สามารถ “สมรส” กันได้ รัฐบาลจึงเสนอร่างกฎหมาย “คู่ชีวิต” แยกออกจากกฎหมายสมรสที่มีอยู่เดิมโดยอ้างว่าป้องกันความไม่เห็นด้วยของผู้ไม่สนับสนุน

Report this page